วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

โพลเปิดเทอม ผู้ปกครองเกือบครึ่งเจอปัญหาเงินไม่พอ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) ได้สำรวจความคิดเห็นเรื่อง "ภาวะค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองในช่วงเปิดเทอม ปีการศึกษา 2555" โดยเก็บข้อมูลจากผู้ปกครองที่มีบุตรเรียนอยู่ในระดับชั้นอนุบาล - มัธยมศึกษา ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งสิ้น 1,083 คน พบว่า ผู้ปกครอง 50.8% ไม่ประสบปัญหาเงินไม่พอกับค่าใช้จ่ายด้านการเรียนของลูก ในขณะที่ 49.2% ระบุว่าประสบปัญหา โดยสาเหตุหลักของปัญหาดังกล่าวเกิดจาก อุปกรณ์การเรียนราคาแพงขึ้น 40.0% รองลงมาคือ รายรับลดลง 26.3% และค่าเทอมแพงขึ้น 16.6%

สำหรับวิธีการที่ผู้ปกครองใช้แก้ปัญหามากที่สุดคือ นำเงินที่สะสมไว้ออกมาใช้ 19.8% รองลงมาคือ ขอยืมเงินจากญาติ พี่น้องและเพื่อน 19.1% และให้ลูกใช้เสื้อผ้าและอุปกรณ์การเรียนของปีที่แล้ว 18.5%

ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะให้ลูกไปโรงเรียนในเทอมนี้เมื่อเทียบกับเทอมที่แล้วพบว่า ผู้ปกครอง 56.1% ระบุว่า "จะให้เท่าเดิม" 43.2% ระบุว่า "จะให้เพิ่มขึ้น" (โดยระบุว่าให้เพิ่มขึ้นจากเดิมเฉลี่ย 39.4%) ส่วน 0.7% ระบุว่า "จะให้ลดลง"

สำหรับเรื่องที่ผู้ปกครองรู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับลูกมากที่สุดในเทอมใหม่นี้ คือ ความปลอดภัยจากการเดินทาง 23.5% รองลงมาคือ การคบเพื่อนไม่ดี 22.2% และวิชาการที่ลูกๆ เรียนจะได้ไม่เต็มที่ 17.2% นอกจากนี้ผู้ปกครองส่วนใหญ่ 75.9% ได้รับรู้เรื่องการใช้ชีวิต/การเรียนการสอนในโรงเรียนจากลูกว่าโรงเรียนสอนให้ลูกเป็นทั้งคนดีและคนเก่ง ขณะที่ 11.0% เน้นเป็นคนดีมากกว่าเรียนเก่ง และ 5.5% เน้นเรียนเก่งมากกว่าเป็นคนดี

เมื่อถามถึงประโยชน์จากนโยบายทางการศึกษาของรัฐบาลผู้ปกครองระบุว่า "นโยบายเรียนฟรี 15 ปี" มีประโยชน์ค่อนข้างมาก33.5% และมีประโยชน์มาก 31.8% ในขณะที่ระบุว่า มีประโยชน์ค่อนข้างน้อย 20.1% และไม่มีประโยชน์เลย14.6% ส่วน "นโยบายการแจกแท็บเล็ต (tablet)"ผู้ปกครองระบุว่า มีประโยชน์ค่อนข้างมาก 31.9% และมีประโยชน์มาก 21.9% ในขณะที่ระบุว่า มีประโยชน์ค่อนข้างน้อยะ 23.3% และไม่มีประโยชน์เลย 22.9%

สำหรับเรื่องที่อยากบอกกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดระบบการศึกษาของประเทศไทยมากที่สุดคือ ให้เน้นการเรียนการสอนให้มากขึ้นลดกิจกรรมต่างๆ ลงบ้าง 21.6% รองลงมาคือให้คุณครูเอาใจใส่เด็กนักเรียนและ มีจรรยาบรรณในวิชาชีพ 14.2% และให้รัฐเพิ่มงบประมาณช่วยเหลือด้านอุปกรณ์การเรียน 9.0%
ขอบคุณเดอะเนชั่น http://breakingnews.nationchannel.com/home/read.php?newsid=632473&lang=T&cat=&key=

การย้ายห้องเรียน โรงเรียนชลราษฎรอำรุง 2555

ในปีการศึกษา 2555
การย้ายห้องเรียน โรงเรียนชลราษฎรอำรุง
จะมีเฉพาะในระดับชั้น ม.1 ขึ้น ม. 2 เท่านั้น
ขอขอบคุณ
ข้อมูลจากฝ่ายบริหารโรงเรียนฯ


เตือนอย่าเลียนแบบฉีด “กรดอะมิโน” ช่วยกระตุ้นอ่านหนังสือสอบ

เตือนอย่าเลียนแบบฉีด “กรดอะมิโน” ช่วยกระตุ้นอ่านหนังสือสอบ
ขอขอบคุณ http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9550000057229
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์9 พฤษภาคม 2555 15:23 น.
       เตือนวัยรุ่นอย่าเลียนแบบ กรณีปรากฏข่าวนักเรียนในต่างประเทศฉีดกรดอะมิโน เข้าสู่เส้นเลือดดำ เพื่อให้ตื่นตัวช่วงสอบ เสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง หรืออาการแพ้ เช่น มึนงง อาเจียน ช็อกหมดสติ อาจแพ้ถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากต้องการสารอาหารที่อุดมไปด้วยกรดอะมิโน แนะรับประทานเนื้อสัตว์ ปลา นม เนย ไข่ เป็นต้น พร้อมเตือนฉีดน้ำมันมะกอก เพื่อเพิ่มขนาดอวัยวะเพศ เสี่ยงต่อการที่ร่างกายจะต่อต้านสารแปลกปลอม อย.ระบุว่า ไม่มีการขึ้นทะเบียนน้ำมันมะกอก เพื่อใช้ในการฉีดแต่อย่างใด ย้ำ! การฉีดสารใดๆ เข้าสู่ร่างกายต้องมีความจำเป็นทางการแพทย์ และอยู่ในดุลพินิจของแพทย์
     
       นพ.พงศ์พันธ์ วงศ์มณี รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยกรณีมีข่าวว่า เด็กนักเรียนของโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในต่างประเทศ ฉีด “กรดอะมิโน” เข้าเส้นเลือดดำ เพื่อช่วยกระตุ้น และสร้างพลังงานให้ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากต้องคร่ำเคร่งกับการเตรียมตัวสอบแข่งขันเข้ามหาวิทยาลัย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีความห่วงใย และขอเตือนมายังเด็กนักเรียน รวมทั้งพ่อแม่และผู้ปกครองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและไม่ควรเลียนแบบ เนื่องจากกรดอะมิโนที่ร่างกายใช้สำหรับสร้างโปรตีน สามารถได้จากอาหารที่รับประทานอยู่แล้ว หากต้องการสารอาหารที่อุดมไปด้วยกรดอะมิโน อย.ขอแนะนำให้รับประทานอาหารจำพวก เนื้อสัตว์ ปลา นม เนย ไข่ เป็นต้น เป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายได้รับปริมาณของกรดอะมิโนจำเป็นอย่างพอเพียง สำหรับกรณีฉีดกรดอะมิโน เข้าสู่เส้นเลือดดำจะใช้ในกรณีที่มีความจำเป็นทางการแพทย์เท่านั้น เช่นในผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานอาหารได้ และต้องทำในสถานที่ที่เหมาะสม มีแพทย์คอยดูแล เพราะการให้ยาหรือสารอาหารทางเส้นเลือด หากเกิดการแพ้อาจมีอันตรายที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตหากแก้ไขไม่ทันท่วงที เช่น อาเจียน ช็อกหมดสติ นอกจากนั้น ตัวกรดอะมิโนก็มีโอกาสที่ทำให้เกิดผลข้างเคียง หรืออาการแพ้อื่นๆ เช่น ปวดแผล ผื่นคัน ท้องเสีย คลื่นไส้อาเจียน มึนงง ใจสั่น แน่นหน้าอก เป็นต้น
     
       รองเลขาธิการ กล่าวต่อไปว่า กรณีเด็กวัยรุ่นอายุ 16 ปี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซื้อน้ำมันมะกอกบรรจุขวดขนาดเล็ก และใช้หลอดฉีดยาฉีดเข้าผิวหนังรอบอวัยวะเพศด้วยตัวเอง เพื่อต้องการเพิ่มขนาดให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งต่อมาเกิดการติดเชื้อ อักเสบ และบวมเป็นแผลขนาดใหญ่ ทำให้เวลาปัสสาวะเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมาก และอวัยวะเพศไม่แข็งตัวตามธรรมชาติ อย.ขอเตือนว่า การนำน้ำมันมะกอกมาฉีดเข้าสู่ร่างกาย/อวัยวะเพศนั้น จัดเป็นสารแปลกปลอมที่ฉีดเข้าสู่ร่างกาย ร่างกายจะต่อต้านสารแปลกปลอมนั้น ก่อให้เกิดอาการที่ตามมา คือ ระคายเคือง บวม อักเสบ หากไม่รีบนำออกจะเกิดการเน่าเสีย เนื้อเยื่อถูกทำลาย เสี่ยงต่อการติดเชื้อ อาจรุนแรงถึงขั้นอวัยวะเพศไม่สามารถใช้การได้อีก ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของ อย.พบว่า ไม่มีการขึ้นทะเบียนน้ำมันมะกอก เพื่อใช้ในการฉีดแต่อย่างใด ดังนั้น น้ำมันมะกอกที่ใช้กันจึงไม่ปลอดภัยและมีโอกาสติดเชื้อได้สูง
     
       รองเลขาธิการ กล่าวในตอนท้ายว่า อย.จึงขอเตือนมายังวัยรุ่นที่คิดจะลองฉีดสารแปลกปลอมต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย หรือมีความเชื่อผิดๆ เช่น กรณีการฉีดกรดอะมิโนเข้าสู่กระแสเลือดเพื่อตุ้นให้ตื่นตัว รวมทั้งการฉีดน้ำมันมะกอกเพื่อเพิ่มขนาดอวัยวะเพศ อย.ขอเตือนว่าอย่าคิดลองเป็นอันขาด เพราะผลที่ตามมาอาจทำให้เกิดความพิการไปตลอดชีวิต หรืออาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้

เครือข่ายผู้ปกครองชลชาย ONLINE